ฉีดเมโสแฟตแล้ว หน้าบวม เพราะอะไร
การฉีดเมโสแฟตเป็นหัตถการกำจัดไขมันเฉพาะส่วนที่มีความปลอดภัยและได้รับความนิยมสูงมากในปัจจุบัน เพราะว่าสามารถฉีดสลายไขมันได้หลายจุดทั่วร่างกาย แต่บริเวณที่ได้รับความนิยมที่สุดคือแก้มและลำคอ ขั้นตอนการรักษาใช้เวลาไม่นาน เจ็บน้อย ไม่ต้องพักฟื้นและแทบจะไม่มีผลข้างเคียงเลย หลังฉีดอาจจะมีอาการบวมจากตัวยาบ้าง แต่เมื่อยาถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย อาการบวมก็จะหายไปในเวลาเพียง 2-4 ชั่วโมงหลังฉีดเท่านั้น แต่ใครที่ฉีดเมโสแฟตมาแล้วหน้าบวมมาก อาจจะอยากทราบว่าเกิดจากอะไรหรือผิดปกติไหม มาหาคำตอบกันได้ในบทความนี้เลย
หน้าบวมหลังฉีดเมโสแฟต สาเหตุ
เมื่อฉีดเมโสแฟตโดยทั่วไปแล้วจะมีอาการบวมบ้างตามปกติ เพราะตัวยาถูกฉีดเข้าไปในชั้นไขมัน จากนั้นก็ทำปฏิกิริยากับเซลล์ไขมันเพื่อสลายและกำจัดออกจากร่างกาย ไขมันที่สลายแล้วจะถูกขับออกมาพร้อมกับอุจจาระและปัสสาวะ แต่จะปะปนมากับปัสสาวะมากกว่า เพราะฉะนั้นหากต้องการให้ร่างกายขับไขมันออกมาได้เร็ว แนะนำให้ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร ส่วนอาการบวมนั้นหากบวมจากตัวยา ผิวจะยุบเป็นปกติในเวลาไม่กี่ชั่วโมง แต่ถ้าบวมจากการที่ตัวยาทำปฏิกิริยาจากไขมัน ก็จะบวมราว 1-3 วัน อย่างไรก็ตามอาการบวมจะมากน้อยแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล
ในกรณีที่บวมมากกว่าปกติแต่ไม่มีอาการผิดปกติอย่างอื่นร่วมด้วย อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังต่อไปนี้
• ความไม่เชี่ยวชาญของแพทย์ เป็นปัจจัยที่ส่งผลมาก เพราะแพทย์จะเป็นผู้ประเมินปัญหาและวิเคราะห์ว่าควรฉีดลึกแค่ไหน ฉีดกี่จุดหรือต้องใช้ยาปริมาณเท่าใดจึงจะเหมาะสม เพราะฉะนั้นหากฉีดกับแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญก็อาจทำให้บวมมากเกินไปได้ ยิ่งถ้าฉีดกับหมอกระเป๋า มีโอกาสสูงที่จะเป็นหมอปลอมหรือหมอที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพ ยิ่งไปกว่านั้นอาจเจอเมโสแฟตปลอม ฉีดแล้วอาจทำให้ผิวอักเสบติดเชื้อตามมาได้
• สภาพผิวหนัง หากมีผิวบาง ผิวจะบวมช้ำได้ง่ายกว่า โดยอาการบวมจะเกิดจากเข็มฉีดยา สำหรับใครที่เคยเจ็บป่วยแล้วรักษาโรคด้วยการฉีดยามาก่อน แล้วผิวบวมหรือฟกช้ำ เมื่อฉีดเมโสแฟตก็อาจมีอาการเหล่านี้ได้เช่นเดียวกัน
• ปริมาณยา หากไขมันเยอะ ปริมาณยาก็อาจต้องใช้เยอะตาม โอกาสบวมก็จะมากยิ่งขึ้น ทั้งบวมจากตัวยาและบวมจากปฏิกิริยาของยา
• ยี่ห้อเมโสแฟต เนื่องจากเมโสแฟตแต่ละยี่ห้อจะมีส่วนผสมที่แตกต่างกันออกไป ทั้งวิธีการผลิตและเทคโนโลยีการผลิตก็ยังไม่เหมือนก็มีผลต่ออาการบวมเช่นเดียวกัน
แนวทางการลดบวมจากการฉีดเมโสแฟต
อันที่จริงแล้วการฉีดเมโสแฟตไม่ทำให้บวมมากเหมือนหัตการอื่นๆ แต่ถ้าใครกังวลหรือจำเป็นต้องทำงานที่ต้องพบปะผู้คนในเร็ววัน ก็สามารถปฏิบัติตามแนวทางด้านล่างกันได้ ช่วยลดบวมและป้องกันการอักเสบได้เป็นอย่างดี
• รับประทานยาลดบวมตามคำแนะนำของแพทย์
• ประคบเย็นช่วยลดบวมได้ ดังนั้นหากมีรอยบวมเขียวช้ำจากเข็มฉีดยา แนะนำให้ประคบเย็นใน 48 ชั่วโมงหลังฉีด
• งดทาครีมหรือแต่งหน้าบริเวณรูเข็ม 1 วัน แต่ล้างหน้าได้ตามปกติ เพียงใช้สบู่อ่อนและล้างอย่างอ่อนโยน ไม่ขัดถูแรงจนเกินไป
• งดว่ายน้ำ ซาวหน้า ขัดหน้า เลเซอร์หรือทำทรีทเมนท์ใดๆ หลังฉีดอย่างน้อย 1 สัปดาห์
• งดสัมผัส กด ถู นวด แกะเกาผิวหนังบริเวณที่ฉีดเมโสแฟตโดยไม่จำเป็น
• งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ หลังฉีดอย่างน้อย 1 สัปดาห์
• งดออกกำลังกายหนักๆ อย่างน้อย 1 สัปดาห์
หลังฉีดเมโสแฟต บวมอย่างไรจึงเรียกว่าผิดปกติ
อาการบวมตามปกติที่อาจพบได้เกิดจากการฉีดเมโสแฟต ได้แก่ การบวมหรือเขียวช้ำจากเข็มฉีดยาและการบวมจากตัวยา ผิวหนังบริเวณที่ฉีดจะดูเป่งๆ อยู่บ้าง แต่จะไม่เจ็บปวด แล้วอาการเหล่านี้จะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ ส่วนอาการบวมที่นับว่าผิดปกติและไม่ควรเกิดขึ้น ได้แก่ ผิวหนังบวมมากเกินไป กดหรือสัมผัสแล้วรู้สึกเจ็บ ผิวบวมแดงหรือรู้สึกร้อนๆ บริเวณที่ฉีด ผิวอักเสบเป็นหนองหรือมีไข้ร่วมด้วย อาการบวมเกิดขึ้นหลายสัปดาห์แต่ยังไม่ดีขึ้น เป็นต้น อาการเหล่านี้อาจเป็นผลข้างเคียงของการฉีดเมโสแฟตไร้คุณภาพหรืออาจเกิดจากขั้นตอนการทำหัตถการที่ไม่สะอาดเพียงพอ อุปกรณ์ไม่มีมาตรฐาน จนทำให้เกิดการปนเปื้อนหรือติดเชื้อตามมาในภายหลัง ในกรณีแบบนี้แนะนำให้ไปพบแพทย์โดยด่วน
สรุป ฉีดเมโสแฟตแล้ว หน้าบวม
เมื่อฉีดเมโสแฟตแล้วอาจมีอาการบวมได้บ้างตามปกติ ซึ่งจะบวมมากน้อยแตกต่างกันออกไป แต่จะต้องไม่เจ็บหรือมีอาการผิดปกติอย่างอื่นร่วมด้วย หากฉีดแล้วบวมมากเกินไป เจ็บ ผิวบวมแดงฯลฯ นับว่าเป็นอาการที่ผิดปกติ จะต้องรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว สำหรับใครที่ใจจะฉีดเมโสแฟตแล้วกังวลกับปัญหาหน้าบวมมากหลังฉีด สามารถป้องกันได้โดยการเลือกฉีดกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน สะอาด มีใบอนุญาตประกอบกิจการ แพทย์ต้องมีความเชี่ยวชาญและเมโสแฟตที่ฉีดจะต้องปลอดภัย มีอย.รับรอง เพราะฉะนั้นก่อนตัดสินใจควรหาข้อมูลของคลินิกเสริมความงามที่สนใจให้มากๆ ดูรีวิวเยอะๆ เน้นดูจากผู้ใช้บริการจริงเป็นหลัก จะช่วยให้ตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น หากเลือกคลินิกได้ดี ผลลัพธ์การฉีดก็มักจะดีตาม อีกทั้งยังไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียงอันตรายอีกด้วย
