วิธีลดเหนียง ไขมันใต้คางเยอะ มีคางสองชั้น ลดยังไงดี
เหนียงหรือชั้นไขมันใต้คางเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่มีกับความมั่นใจในการใช้ชีวิตมาก เพราะนอกจากจะทำให้กรอบหน้าดูไม่สวยคมแล้ว ยังทำให้ดูเหมือนมีคางสองชั้นอยู่ตลอดเวลาด้วย จะถ่ายรูปแต่ละครั้งก็มั่นใจ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าไขมันบริเวณนี้นั้นลดได้ค่อนข้างยาก แล้วจะทำอย่างไรดีจึงจะกำจัดไขมันก้อนนี้ออกได้
เหนียง คืออะไร
เหนียง หมายถึงไขมันที่สะสมอยู่ใต้คาง เกิดได้จากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรม กล้ามเนื้อหรือผิวหนังบริเวณนั้นหย่อนคล้อยจนเป็นชั้น น้ำหนักเกิน เป็นต้น แต่ว่าเหนียงสามารถเกิดได้กับทุกคนไม่ว่าจะอ้วนหรือผอม เพราะบางคนไขมันอาจไปสะสมบริเวณใต้คางก่อนบริเวณอื่นในร่างกายนั่นเอง ทั้งยังเป็นจุดที่ลดไขมันได้ยาก ทำให้บางคนแม้จะลดน้ำหนักได้แล้วแต่ก็ยังมีเหนียงใต้คางอยู่
วิธีลดเหนียง
• ออกกำลังกายและควบคุมอาหาร
แม้ว่าจะเป็นวิธีที่เห็นผลช้า แต่ก็เป็นวิธีที่ปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนมากที่สุด หากทำได้ไขมันทั่วทั้งร่างกายจะค่อยๆ ถูกกำจัดออกไป แม้จะดูเหมือนไม่ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการลดไขมันเฉพาะส่วน แต่ในระยะยาวก็จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น
• กายบริหารลดเหนียง
เปรียบเสมือนการออกกำลังกาย ช่วยเผาผลาญไขมันและลดการสะสมของไขมันใต้คางได้ ท่ากายบริหารลดเหนียงนั้นมีอยู่ด้วยกันมากมาย แนะนำให้ทำหลายท่า ท่าละ 10-20 ครั้ง/วัน แต่ไม่จำเป็นต้องทำให้ครบทุกท่า ควรทำสลับกันไปในแต่ละวัน
– ท่าจูบอากาศ เงยหน้ามองเพดาน กล้ามเนื้อและผิวหนังที่ลำคอจะรู้สึกตึง ทำปากจู๋เหมือนกำลังจะจูบเพดาน จากนั้นก็เกร็งกล้ามเนื้อลำคอและกลับมามองตรงเหมือนเดิม
– ท่าก้มและเงยหน้า มองตรงไปข้างหน้าและเงยหน้าจนรู้สึกตึงที่ลำคอ หายใจเข้าค้างในท่าเงย 5 วินาทีแล้วก้มหน้าคางชิดอก หายใจออกในท่าก้มค้างไว้ 5 วินาที
– ท่าลูบคาง เงยหน้าจนรู้สึกตึงที่ลำคอ ใช้มือลูบเหมือนนวดลำคอโดยลูบจากด้านล่างสูงขึ้นไปจนถึงปลายคาง สามารถทำร่วมกับการใช้ครีมบำรุงผิวหรือน้ำมันนวดได้
– ท่าเงยหน้าแลบลิ้น เงยหน้าจนรู้สึกตึงที่ลำคอ จากนั้นแลบลิ้นเข้าออก 10 ครั้ง
– ท่าดันกราม เงยหน้ามองเพดาน ดันกรามและคางขึ้นไปให้รู้สึกตึงและเกร็งมากยิ่งขึ้น ทำค้างไว้ 10 นาทีแล้วกลับสู่ท่าเดิม
• เคี้ยวหมากฝรั่ง
การเคี้ยวหมากฝรั่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยบริหารกล้ามเนื้อใต้คางและกรามได้ดี แนะนำให้เคี้ยวรอบละ 30 ครั้งแล้วหยุดพัก อาจจะทำซ้ำอีก 2-3 รอบ/วัน โดยไม่ควรเคี้ยวบ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้กรามใหญ่ได้ ที่สำคัญอย่าลืมเลือกเคี้ยวหมากฝรั่งสูตรไม่มีน้ำตาลกันด้วยนะ
• ฉีดเมโสแฟต
หากลองวิธีอื่นมาแล้วรู้สึกไม่ทันใจ ไม่อยากรอนาน การฉีดเมโสแฟตคือหนึ่งในทางเลือกที่ตอบโจทย์มาก เพราะมีความปลอดภัยสูง เห็นผลความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนใน 1-3 สัปดาห์ ตัวยาจะออกฤทธิ์นาน 2-3 เดือน หากมีการควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอหลังจากฉีด ไขมันก็จะกลับมาสะสมใหม่ช้าลง ซึ่งหากคางสองชั้นเริ่มกลับมาอีกครั้งก็สามารถฉีดเมโสแฟตซ้ำได้ หัตถการนี้มีผลข้างเคียงเพียงแค่อาการบวมเล็กน้อยจากตัวยาหลังฉีด ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่ต้องพักฟื้น แต่จะต้องฉีดกับคลินิกที่มีมาตรฐานและใช้ตัวยาที่ปลอดภัย มีอย.รับรองเท่านั้น
ทั้งนี้การฉีดเมโสแฟตอาจไม่ได้เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรและผู้ป่วยบางโรค เพราะฉะนั้นหากสนใจจะฉีดเมโสแฟตก็อย่าลืมแจ้งคุณหมอด้วยว่าแพ้ยาหรือมีภาวะสุขภาพใดๆ อยู่หรือไม่
• เทคโนโลยีทางการแพทย์
นอกจากการฉีดเมโสแฟตแล้ว ยังมีเทคโนโลยีทางการแพทย์อีกหลากหลายที่นับว่าเป็นคู่แข่งเมโสแฟตเช่นเดียวกัน อาทิ Thermage, Hifu, Coolsculpting, Ulthera เป็นต้น ซึ่งจะเป็นวิธีการลดเหนียง ลดไขมันเฉพาะจุดที่ไม่ต้องผ่าตัด แม้ว่าบางวิธีจะที่ทำแล้วจะเจ็บอยู่บ้าง แต่ก็น้อยกว่าการผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น ส่วนการฉีดเมโสแฟตนั้นนับว่าเจ็บน้อยที่สุดแล้วเพราะแค่ฉีดยาเท่านั้น เหมาะมากสำหรับผู้ที่กลัวการทำหัตถการที่เจ็บๆ แต่ไม่กลัวเข็ม อย่างไรก็ตามทุกวิธีที่กล่าวมาข้างต้นนั้นปลอดภัยและเห็นผลรวดเร็วกว่าการพยายามลดไขมันด้วยตัวเอง เพียงแต่ต้องเข้ารับบริการกับคลินิกเสริมความงามที่ได้มาตรฐานเท่านั้นเอง ส่วนใครที่ต้องการกำขัดไขมันแล้วเห็นความเปลี่ยนแปลงทันทีหลังทำ อาจต้องพิจารณาวิธีการดูดไขมันแทน
สรุป วิธีลดเหนียงทำอย่างไร
สรุปได้ว่าวิธีลดเหนียงหรือกำจัดไขมันใต้คางนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี มีทั้งแนวทางธรรมชาติและการพึ่งพาเทคโนโลยีทางการแพทย์ แต่ถ้าอยากจะลดเหนียงจริงๆ ก็อยากให้ลองลดไขมันด้วยตัวเองก่อน ไม่ว่าจะคุมอาหาร ออกกำลังกายหรือทำกายบริหารตามที่แนะนำเอาไว้ด้านบน เพราะว่าปลอดภัยที่สุดและให้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนแม้จะใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่ถ้าทำแล้วเห็นผลช้าหรือจำเป็นต้องลดไขมันในเวลาที่จำกัด การฉีดเมโสแฟตก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี ส่วนใครที่สนใจเทคโนโลยีทางการแพทย์วิธีอื่นๆ ก็เข้าไปปรึกษาแพทย์ในคลินิกที่ตัวเองสนใจกันได้เลย แพทย์จะให้คำปรึกษาแนะนำอย่างเหมาะสม พร้อมทั้งช่วยเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละวิธีเพื่อเป็นแนวทางการตัดสินใจอีกด้วย